วงจะไม่ได้นับว่าเล่นทั้งหมดกี่เพลง หรือกี่ชั่วโมงครับ เราจะแบ่งเป็นคิวงาน โดยมีรายละเอียดตามด้านล่างนี้ครับ

• งานแต่งงานช่วงพิธีการ กลางวัน ช่วงเวลาประมาณตั้งแต่ 11:00-14:00 โดยนักดนตรีจะเบรคช่วงพิธีการ (ช่วงที่พิธีกรขึ้นมาดำเนินรายการ)
  
  
• งานแต่งงานช่วงพิธีการ เย็น ช่วงเวลาประมาณตั้งแต่ 18.00-21.00 โดยนักดนตรีจะเบรคช่วงพิธีการ (ช่วงที่พิธีกรขึ้นมาดำเนินรายการ)
  
  
• หากมีให้นักดนตรีบรรเลงในช่วงพิธีการด้วย นักดนตรีจะพักเบรคหลังจากเสร็จการบรรเลงตามคิวงาน ประมาณ 30 นาที แล้วจะกลับขึ้นมาเล่นต่อครับ
  
  
• คิวงานสามารถขยับได้ตามที่ลูกค้าต้องการ แต่จะไม่เกิน 30 นาที เช่น คิวงานแต่งงาน(เย็น) 18.00-21.00 สามารถขยับเป็น 18.30-21.30 ได้ครับ

งาน Private Party คิวงานจะเป็น 3 ชั่วโมง โดยแบ่งเบรคการเล่นเป็น 1 ชั่วโมง 30 นาที แล้ววงจะพักเบรค 30 นาที และจะกลับมาเล่นต่ออีก 1 ชั่วโมงครับ

ค่าใช้จ่ายสำหรับการต่อเวลานักดนตรี จะเป็น 1,000 บาทต่อนักดนตรี 1 คน สำหรับการต่อเวลา 1 ชั่วโมง

ยกตัวอย่างเช่น วงดนตรี Happy Trio (3 คน)

ไปเล่นงานแต่งงาน 18.00-21.00 แต่ลูกค้าต้องการต่อเวลาให้วงเล่นถึง 22.00 น. ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 3000 บาท สำหรับการต่อเวลา 1 ชั่วโมง

หมายเหตุ :

• ลักษณะการเล่นในช่วงต่อเวลา จะเป็นการบรรเลงปกติเหมือนกับช่วงพิธีการ ไม่ใช่ After Party
  
  
• หากวงดนตรี หรือนักดนตรีมีคิวงานไปเล่นที่อื่นต่อ จะไม่สามารถต่อเวลาได้ครับ

• หากเป็นงานที่จัดในกรุงเทพมหานคร และสถานที่มีเครื่องเสียงครบตามรายการที่ทางวงส่งรายการขอไปเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแล้วครับ
  
  
• สำหรับงานที่ไม่มีเครื่องเสียง หรือมีไม่ครบตามที่ทางวงส่งรายการขอไป จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  
  
• สำหรับงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ สามารถสอบถามค่าเดินทางและค่าที่พัก(หากต้องค้างคืน) กับแอดมินได้ครับ

ชุดเครื่องเสียงจะประกอบไปด้วย

• ลำโพง PA : เป็นลำโพงส่วนที่ผู้ร่วมงานจะได้ยินเสียง
  
  
• ลำโพง Monitor : เป็นลำโพงสำหรับวงดนตรี มีไว้สำหรับให้นักดนตรีทุกคน ได้ยินเสียงที่ตัวเองเล่น มีผลต่อ Performance ของนักดนตรีมากๆครับ
  
  
• Microphone : สำหรับนักดนตรีใช้บนเวที
  
  
• Microphone : สำหรับพิธีกร บ่าวสาว หรือแขกท่านอื่นๆ ใช้ในงาน
  
  
• สายสัญญาณ : สำหรับใช้เชื่อมต่ออุปกรณต่างๆเข้า Mixer
  
  
• Mixer : เป็นเครื่องมือสำหรับการปรับเสียงให้พอดีก่อนที่จะส่งออกไปให้ผู้ฟัง
  
  
• Subwoofer : เป็นลำโพงที่ปล่อยย่านเสียงต่ำ ใช้สำหรับงานที่ต้องการเน้นเสียงเบส เช่น งานที่ใช้กลองชุดหรือเบส งานที่ใช้ DJ เปิดเพลง
  
  
• อุปกรณ์อื่นๆบนเวที : เช่น แสตนโน๊ต ขาตั้งไมค์
  
  
• Sound Engineer : เป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแล บาลานซ์เสียง ตลอดทั้งงาน เป็นคนคอยแก้ปัญหาทางเทคนิคทางด้านเสียงทุกอย่าง เสียงวี๊ด เสียง Noise ต่างๆที่เกิดขึ้นในงาน จะถูกควบคุมโดย Sound Engineer ตลอดช่วงเวลางาน ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลย ครับถ้ามี Sound Engineer

ลูกค้าสามารถหาเครื่องได้ 2 วิธีครับ

• ลูกค้าสามารถหาเช่าชุดเครื่องเสียงด้วยตัวลูกค้าเอง จากผู้ที่ให้บริการเช่าเครื่องเสียงโดยตรง โดยทางวงจะส่ง List รายการของที่วงต้องใช้ให้ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าติดต่อให้ผู้ให้บริการเครื่องเสียงจัดเตรียมให้ครบตามที่วงต้องใช้ครับ
  
  
• (แนะนำ) ลูกค้าสามารถใช้ทีมเครื่องเสียงของทาง Happy Cake Band ได้เลย โดยทางเราจะเลือกชุดที่เหมาะสมกับขนาดของสถานที่ ขนาดของวงดนตรีที่สุด โดยลูกค้าไม่ต้องเตรียมอะไรเกี่ยวกับเรื่องเครื่องเสียงในงานอีกแล้วครับ เพราะว่าทีมงานของเราจะเตรียมไปให้ทุกอย่าง ตั้งแต่ไมโครโฟนที่จะใช้ในงาน จนไปถึงอุปกรณ์ทุกชิ้นของนักดนตรีครับ

เครื่องเสียงที่ทาง Happy Cake มีให้บริการจะมีตามนี้ครับ

ชุดเล็ก Column

เหมาะสำหรับวง

• Happy Solo
  
• Happy Duo
  
• Happy Trio

ขนาดสถานที่

• Indoor ไม่เกิน 200 คน
  
• Outdoor ไม่เกิน 100 คน

ราคา 6,000 บาท

หากสถานที่มีขนาดกว้าง ถ้าลูกค้ากลัวแขกด้านหลังฟังไม่ชัด

สามารถต่อชุดลำโพงขยาย (Delay)

โดยเพิ่มเงิน คู่ละ 2000 บาทครับ

ชุดใหญ่

เหมาะสำหรับวง

• Happy Quartet
  
• Happy Fullband
  
• Indoor 300+ คน
  
• Outdoor ประมาณ 200 คน

ราคา 10,000 บาท

หากสถานที่มีขนาดกว้าง ถ้าลูกค้ากลัวแขกด้านหลังฟังไม่ชัด

สามารถต่อชุดลำโพงขยาย (Delay)

โดยเพิ่มเงิน คู่ละ 2000 บาทครับ

-Band Gear (กลองชุด หรือแอมป์กีต้าร์ เบส)

ชิ้นละ 1,000 บาท ครับ

หมายเหตุ : ราคานี้เป็นราคาสำหรับในเขต กทม เท่านั้น ต่างจังหวัดสามารถสอบถามเรทราคาได้ครับ